Asoke Skin Hospital – Thailand’s Leading Acne Treatment Center. Get expert care today Visit: skinhospital
รอยแดงจากสิว
สิวถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี หรือสิวที่มีอาการอักเสบมากๆ หลังหายแล้วมักทิ้งรอยแผลเป็นไว้เสมอ เนื่องจากปฏิกิริยาการอักเสบของสิวทำให้เกิดการทำลายเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ดังนั้น แม้ว่าไม่ได้แกะหรือบีบสิวก็ตาม สามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ เมื่อมีสิวควรรีบรักษาเพื่อลดการอักเสบของสิวและลดการเกิดแผลเป็นจากสิวที่จะตามมา
แผลเป็นที่เกิดจากสิวที่พบบ่อยมาก คือ ชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีผิว มีก้อนสีแดงคล้ำๆ ซึ่งจัดเป็นรอยแดง(Macular Erythema)จากสิว ในกรณีที่เกิดในคนผิวคล้ำ บางครั้งจะมีลักษณะเป็นรอยสีน้ำตาลหรือดำร่วมด้วย (Postinflammatory Hiperpigmentation) และถ้าเราสังเกตดีๆจะพบว่าในรอยแดงหรือรอยคล้ำเหล่านี้
หลายๆแห่งจะมีลักษณะของหนังที่ยุบตัวลงซึ่งเป็นลักษณะเริ่มแรกของการเกิด รอยแผลเป็นชนิดบุ๋มตามมาอีก (Atrophic Scar, Pitted Scar)
การรักษาสามารถทำได้ โดยการทายาที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถทำให้สีจางลง เช่น กรดผลไม้ (AHA, BHA) กรดวิตามิน A (RETINOIC ACID), LICORICE, ARBUTIN, VITAMIN C การทานวิตามิน A, วิตามิน E เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวและเร่งการซ่อมแซมเซลผิวหนัง
นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีวัตกรรมเลเซอร์ทางการแพทย์เพื่อรักษารอยแดงคล้ำจากสิว ลดการเกิดแผลเป็นสิวและลบเลือนรอยแผลเป็นที่มีอยู่แล้ว โดยใช้ V-Beam Laser Smooth-beam Laser ซึ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างเป็นธรรมชาตินับเป็นวิธีที่สะดวก,รวดเร็ว, ปลอดภัย และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
การรักษาใช้เวลาเพียง 15-40 นาทีเท่านั้น สามารถเห็นผลการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์
ก็จะสังเกตเห็นว่ารอยแดงคล้ำจากสิวจางลง ประมาณ20% และรอยบุ๋มที่เกิดจากสิว ก็สามารถตื้นขึ้นและมีขนาดเล็กลงได้อีกด้วย หลังการรักษามีเพียงรอยแดงจางๆ เล็กน้อยประมาณ 15-20 นาที ก็จะหายไปเอง สามารถแต่งหน้าและกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ


